หลายคนขายของบน Facebook ได้ดี บางคนขายไม่ได้ แต่ว่าเราขายบน Facebook อย่างเดียวมันเสี่ยงไปไหมที่จะฝากธุรกิจของเราไว้กับแหล่งการขายที่เดียว
ผมไม่เถียงว่า ณ เวลานี้ Facebook คือแหล่งที่มีผู้คนเข้ามาดูมากที่สุด และมีผู้ที่ขายบน Facebook ได้ และร่ำรวยกันไปก็เยอะ แต่ว่า เราคิดดีแล้วหรือที่จะฝากธุรกิจที่เราสร้างขึ้นมาไว้ที่นี่ที่เดียว
- ถ้า Facebook มันเจ๊งล่ะ
- ถ้า Facebook มันขึ้นค่าโฆษณาล่ะ
- ถ้า Facebook มันปรับอัลกอริทึ่ม ทำให้คนเห็นน้อยลงล่ะ(ซึ่งมันก็ทำมาอย่างต่อเนื่อง)
- ถ้า Facebook มีปัญหาล่มขึ้นมาล่ะ
คำถามเหล่านี้ ถ้าเกิดขึ้นจริงและคุณมีแหล่งขายที่ Facebook ที่เดียว ก็อาจเจ๊งได้ภายในไม่ถึงเดือนเลยล่ะครับ เพราะไม่มี Facebook แล้วคุณจะขายให้ใครล่ะ
อ้าว! พูดมาซะขนาดนี้ จะให้ทำไงล่ะ 555 เอ้า! ดูต่อเลย
การขาย 4 รูปแบบ
1. ขายผ่าน Website แล้วมันดียังไงล่ะ จะมีไปเพื่ออะไรในเมื่อก็มี Facebook แล้ว ตอบง่ายๆ WebSite มันเป็นของเราแต่ Facebook มันเป็นของเขาครับ
หมายความว่า ไม่ว่า Facebook จะเป็นจะอยู่ ไม่ว่าการเมืองหรือเศรษฐกิจเน่าแค่ไหน Website ของเราก็ยังอยู่ครับ
ยังคงเป็นหน้าร้านให้เราได้เสมอ และเราสามารถปรับเปลี่ยนหน้าตาอย่างไรก็ได้ตามที่เราต้องการ จะจัดโปรอะไรก็ตามใจเรา
และยังสร้างความน่าเชื่อถือสำหรับลูกค้าเราได้อีกด้วยครับ
อีกหนึ่งข้อดีของการมี Website เป็นของตัวเองก็คือ เป็นการสร้างแบรนด์ไปในตัว
และถ้าเราเริ่มดัง มีบทความดีๆ ออกแบบและจัดการคีย์เวิร์ดได้ดี ก็สามารถที่จะติดหน้า Search ของ Google ได้
ถ้าติดได้ก็เตรียมตัวรวยได้เลยครับ แถมวิธีนี้ยังยั่งยืนกว่า แต่ต้องอาศัยความอดทนกันสักนิดนึง
ถ้าชอบทางลัด ต้องการความรวดเร็ว ก็ยังสามารถที่จะโฆษณาผ่าน Google ได้ด้วยล่ะ ด้วยสิ่งที่เรียกว่า Google Adword ครับ
2. ขายผ่าน Instagram เป็นอีกช่องทางที่มีคนขายกันเยอะ หัวใจหลักของการขายทางนี้เพื่อกระจายความเสี่ยง
และเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าให้มากขึ้นไปอีกทางครับ ทาง Instagram นั้นขายกันง่ายครับ เพราะเพียงแค่มีรูปสวยๆ ก็ขายได้แล้วล่ะครับ
บางคนนั้นขายทาง IG นี้เป็นหลักก็ถือว่าเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ช่วยได้ แต่ๆๆๆ หลายแต่หน่อย 555 ขอเบรคนิสส นึง
ขณะที่ผมเขียนอยู่นี้ Facebook ซื้อ IG ไปเรียบร้อยแล้วครับ นั่นหมายความว่าความเสี่ยงน้อยกว่า Facebook แต่ก็ไว้ใจไม่ได้เท่าไรนัก
ใครสนใจการใช้ IG เบื้องต้นสามารถดูได้ที่นี่ครับ เพิ่มยอดขายด้วย IG
3. Line@ นี่เป็นช่องทางที่มาแรงมากๆครับตอนนี้ เนื่องจากแทบทุกคนมี Line เป็นของตัวเอง
และถ้าเราทำให้คนเหล่านั้นมาติดตามคุณได้จะเกิดอะไรขึ้นครับ หมายความว่าคนที่ติดตามคุณคือคนที่ชอบคุณและสินค้าคุณอยู่แล้ว
ดังนั้นเมื่อคุณทำการขายใดๆ หรือเสนอโปรโมชั่นให้ลูกค้าคุณล่ะก็ เขาก็จะสนใจคุณก่อนเป็นอันดับแรกอยู่แล้วครับ
นั่นเรียกว่า Re-Marketing หรือ Re-Targeting คือคนเหล่านี้อาจจะยังไม่เคยซื้อของเราก็จริง อาจจะกำลังตัดสินใจอยู่เลยกดติดตามคุณมา
และอาจจะลืมคุณไปแล้วเมื่อเวลาผ่านไปซักระยะ แต่คนเหล่านี้จะยังคงเป็นกลุ่มที่สนใจคุณอยู่อย่างแน่นอน
ดังนั้นแล้วเมื่อเจอโปรโมชั่นหรือการตลาดโดนๆ เข้าไปสักอันก็มีสิทธิ์ที่เขาจะซื้อสินค้าของเราได้มากกว่ากลุ่มคนภายนอกแบบการโฆษณาผ่าน Facebook ครับ
ใครยังไม่รู้จัก Line@ ไปอ่านได้ที่นี่ครับ ใช้ Line สร้างธุรกิจ ด้วย Line@
4. Offline ไม่ต้องงงครับ มันคือการขายแบบไม่ออนไลน์ ก็คือการขายแบบปกติทั่วไปนั่นเอง
แบบเอาตังมาให้เอาของไปแบบนั่นแหล่ะครับ แล้วมันดีไงล่ะ ก็มาทางออนไลน์ซะเต็มที่ล่ะนี่ ดีตรงที่มันเชื่อถือได้
และสามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่องนั่นเองครับ ลูกค้าเราก็มีแบบชอบเดินช็อปปิ้ง ชอบเดินตลาดนัด
ชอบไปเที่ยว เขาก็ต้องซื้อแบบการขายปกติ ถ้าเราขายส่งได้ ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางในการขายที่ดีครับ
แล้วถามว่าจริงๆ แล้ว Facebook เอาไว้ทำอะไร?
Facebook จริงๆ แล้วจะมีประสิทธิภาพสูงมากในการสร้างแบรนด์ การประชาสัมพันธ์ การติดต่อกับลูกค้าโดยตรง
สร้างการรับรู้แบรนด์ สร้างฐานแฟน เพื่อนำไปสู่กระบวนการขายต่อไป
การทำการขายอาจจะเป็นในรูปแบบของการประชาสัมพันธ์ผ่าน Facebook และส่งต่อไปยัง Website ของเรา
เพื่อเข้าสู่กระบวนการขาย ที่รองรับด้วยการขายเต็มรูปแบบ รูปภาพที่สวยงาม ไฟล์ VDO รายละเอียดต่างๆ ที่จัดวางไว้เพื่อการขายโดยเฉพาะ
จะเห็นว่าการขายแบบนี้ได้ผลดีในการปิดการขายได้มากกว่า และมีผลพลอยได้เรื่อง Traffic เข้าสู่ Website ทำให้ Google ค่อยๆ
เห็นเราเป็น Website ที่มีการพัฒนา มีคนสนใจ ก็มีโอกาสติด Search ของ Google ไปด้วยครับ
ผิดไหมที่ฝากธุรกิจไว้กับ Facebook
ตอบว่าไม่ผิดครับ ถ้ายังคงขายได้ก็ขายไปครับ แต่ถ้าอยากป้องกันความเสี่ยง
อย่างที่นักลงทุนทุกท่านคงเคยได้ยินคำนี้ “อย่าวางไข่ไว้ในตระกร้าใบเดียว” คือ ถ้ามันตกครั้งเดียวก็แตกทุกใบครับ เจ๊งบ้ง!
เหมือนกันกับธุรกิจครับ Facebook มีปัญหาครั้งเดียวอาจเจ๊งก็เป็นได้ใครจะรู้ ถึงตอนนั้นแฟนเพจเป็นล้านก็หายวับไปกับตา
เรื่องนี้อาจจะดูคิดมากเกินไปหรือปล่าว ตอบว่าเป็นการระวัง และป้องกันเพื่อความไม่ประมาทแล้วกันนะครับ
หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ใครๆ หลายคนลองมองช่องทางการขายอื่นๆ เพื่อเพิ่มยอดขายและป้องกันความเสี่ยงครับ
กดไลค์เป็นกำลังใจให้กันนะครับ
เห็นว่าเป็นประโยชน์ก็แชร์ให้เพื่อนๆ อ่านกันบ้างนะ
อยากให้คนไทยใช้ Tech ให้เป็น
—————————————————————————–
มีข้อมูลดีๆ อีกเพียบที่
FB: Facebook Page
G+ : Google+
www : techdlife.com
Line : @techdlife
—————————————————————————–
Tech เพื่อชีวิตที่ง่ายขึ้น
BenzTechDLife